คุณเคยรู้สึกเสียใจ ที่ไม่ได้ขอโทษหรือบอกรักใครสักคน ก่อนที่จะสายเกินไปไหมครับ? นั่นคือสิ่งที่เพื่อนผู้หญิงของผมต้องเผชิญ หลังจากทะเลาะกับแม่อย่างหนัก จนไม่ทันได้ง้อ แม่ก็จากไปตลอดกาล
ตอนที่ผมได้ยินเรื่องราวนี้จากเพื่อนสนิท ผมรู้สึกเจ็บแทนเธอมาก และคิดถึงแม่ของตัวเองขึ้นมาทันที เรื่องนี้เตือนสติผมว่า เราไม่มีวันรู้หรอกว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอคนที่เรารัก ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความขัดแย้งหรือคำพูดในทางลบ เป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทำไว้กับพวกเขาเลย
- “ในบั้นปลายชีวิต เราไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่ทำไป แต่เสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้ทำต่างหาก” – ศิลปินนิรนาม
- “ความตายไม่ใช่โศกนาฏกรรมที่ใหญ่ที่สุด แต่การมีชีวิตอยู่โดยไม่เคยรักใครสุดหัวใจ ต่างหากที่น่าเศร้า” – Stephen Levine
- “เพราะเมื่อใดมีการเกิด มรณะย่อมมีเป็นธรรมดา เมื่อใดมีการประชุมพร้อมกัน ความพลัดพรากย่อมมีเป็นธรรมดา” – พระพุทธเจ้า
ศิลปินนิรนามท่านหนึ่งได้กล่าวไว้อย่างน่าคิดว่า ช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต มักไม่มีใครเสียใจกับสิ่งที่เคยทำ แต่มักเสียดายสิ่งดีๆ ที่ไม่ได้ทำให้กับคนที่รักซะมากกว่า นี่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนให้เห็นว่า คนเรามักไม่เห็นคุณค่าของกันและกัน จนกว่าจะสูญเสียไปแล้ว Stephen Levine เผยความจริงอีกด้านว่า การมีชีวิตอยู่โดยไม่เคยรักใครเต็มหัวใจ นั้นน่าเศร้ายิ่งกว่าความตายเสียอีก เพราะความรักคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่าและความหมายที่แท้จริง ส่วนพระพุทธเจ้าทรงสอนให้ยอมรับความจริงของชีวิต นั่นคือเราเกิดมาเพื่อพบกับความตายและความพลัดพราก ดังนั้นจงใช้ทุกวินาทีที่มีค่าอย่างคุ้มค่า ด้วยการสร้างความทรงจำและแบ่งปันความรักต่อกัน
จากการศึกษาของ Kira M. Newman นักเขียนจาก Greater Good Magazine เธอพบว่า ผู้คนมักมีแนวโน้มที่จะซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงต่อคนใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัว เนื่องจากเชื่อว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเรารักเขามากแค่ไหน จึงไม่จำเป็นต้องบอกตรงๆ แต่ความเชื่อนี้อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและความเสียใจในภายหลัง เพราะไม่มีใครล่วงรู้หัวใจของเราหรอก หากไม่ได้บอกออกไปให้รู้กัน ดังนั้น Kira จึงแนะนำให้เราฝึกแสดงความรัก ความขอบคุณ และขอโทษต่อคนสำคัญในชีวิตบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้ถึงโอกาสพิเศษ จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง
แล้วคุณล่ะ เคยกล้าบอกความในใจกับพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ หรือคนที่คุณรักบ้างหรือยัง? หรือบางครั้งก็ปล่อยให้ความขุ่นเคืองหรือคำพูดไม่ดีเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำไว้กับเขา?
แคร์รี่เป็นสาวน้อยที่รักและเชื่อฟังคุณแม่เสมอมา ทั้งคู่มักทำกิจกรรมร่วมกัน และพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่เมื่อแคร์รี่เข้าสู่วัยรุ่น เธอเริ่มรู้สึกอึดอัดกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ของแม่ ที่ดูเหมือนจะปิดกั้นอิสรภาพของเธอ ทั้งสองเริ่มปะทะคารมกันบ่อยขึ้น เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่
คืนนั้นแคร์รี่กลับบ้านดึกเกินเวลาที่แม่กำหนด แม่ตักเตือนเธอด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่เธอกลับตอบโต้ด้วยคำพูดรุนแรง เธอบอกแม่ว่าเกลียดที่แม่คอยจุ้นจ้าน และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทำตามแม่แล้ว ก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไป แคร์รี่โยนตัวนอนบนเตียง ระบายโทสะใส่หมอน เธออยากออกไปเที่ยวกับเพื่อนให้สนุก ไม่อยากถูกแม่จำกัดไว้ในบ้าน ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจแม่ ไม่อยากคุยกับแม่อีก สักพักแคร์รี่ก็สงบสติอารมณ์ลง เธอคิดได้ว่าวันนี้ทำตัวเกินไป แม่คงเสียใจมาก เธอตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปขอโทษ และง้อแม่ให้หายโกรธ แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ เจรจาเรื่องกฎระเบียบใหม่กับแม่ดู แต่แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเสียงญาติโทรมาบอกข่าวร้าย ว่าคุณแม่เสียชีวิตแล้ว ท่านเข้าห้องน้ำตอนดึก แล้วลื่นล้มศีรษะฟาดพื้น เลือดออกในสมองมาก ไม่ทันได้ไปโรงพยาบาล แคร์รี่ช็อคและสิ้นหวังที่สุด
หลังจากวันนั้น ชีวิตของแคร์รี่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เธอเสียใจและโทษตัวเองอย่างหนัก ที่ไม่เคยบอกรักแม่ และปล่อยให้คำพูดที่เจ็บแม่เป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้คุยกัน แต่เธอก็พยายามสานต่อเจตนารมณ์ของแม่ให้ดีที่สุด เพื่ออุทิศให้ดวงวิญญาณของแม่ในสวรรค์
จากเรื่องของแคร์รี่ คุณคิดว่าถ้าเราทะเลาะหรือมีปากเสียงกับพ่อแม่ เราควรทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นบาดแผลในใจทั้งสองฝ่าย? มีวิธีแก้ไขสถานการณ์แบบไหนที่เหมาะสมบ้าง?
ต่อไปคือสามวิธีดีๆ ที่คุณอาจใช้ เพื่อไม่ให้คุณต้องเสียใจทีหลัง
1. หากคุณมีปากเสียงกับพ่อแม่ ให้รีบขอโทษทันทีที่ทำได้ ไม่ต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ เพราะเราไม่อาจรู้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายหรือไม่
2. แม้ในวันปกติ ก็จงหมั่นบอกรักพ่อแม่บ่อยๆ และแสดงความขอบคุณต่อสิ่งที่ท่านมอบให้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ หรือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ
3. หากอยากคัดค้านหรือต่อรองอะไรกับพ่อแม่ ให้ทำด้วยการสื่อสารที่สุภาพ อ่อนโยน และมีเหตุผล อย่าใช้อารมณ์หรือคำพูดตัดพ้อเสียดสี
เรื่องราวของแคร์รี่ทิ้งบทเรียนสำคัญให้กับเราทุกคนว่า ในวินาทีที่ชีวิตดับสูญ คำพูดสุดท้ายและการกระทำครั้งล่าสุดที่มีต่อกัน จะกลายเป็นสิ่งที่ติดตรึงอยู่ในใจไปตลอดกาล เราไม่อาจยื้อเวลาหรือย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือ เติมเต็มความรักและแบ่งปันความใส่ใจ ต่อคนสำคัญในชีวิตของเราทุกครั้งที่ทำได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดูเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม อย่าปล่อยให้ความเครียด ความโกรธ หรือคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ เป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้กับคนที่เรารัก เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า วันไหนจะเป็นโอกาสสุดท้ายในการแสดงความรัก จงรักกันให้มากๆ บอกรักกันให้บ่อยๆ และอภัยให้กันและกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อว่าเมื่อถึงวันที่ต้องจากลา จะได้มีแต่ความทรงจำดีๆ และรอยยิ้ม ไม่ใช่น้ำตาและความเสียใจ ที่ได้ทิ้งไว้เป็นครั้งสุดท้าย
ถ้าให้คุณบอกสิ่งที่อยู่ในใจ กับคนที่คุณรักมากที่สุดตอนนี้ คุณอยากจะบอกเขาว่าอะไร?
หรือมีสิ่งดีๆ อะไรที่อยากจะทำให้เขาบ้าง? อย่ารอช้าอีกเลยครับ ความตายไม่เคยรอใคร จงรีบทำในสิ่งที่หัวใจบอก ก่อนจะสายเกินไป
แล้วคุณจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลังเหมือนอย่างเพื่อนของผม